ขั้นแรกของการแพ็คของที่เราควรทำคือ การเลือกกล่องพัสดุให้เหมาะสมกับขนาดของสินค้าและประเภทของสินค้าที่เราต้องการจัดส่ง โดยเลือกให้กล่องมีขนาดใหญ่กว่าสินค้าเล็กน้อย เพื่อให้เหลือพื้นที่สำหรับอุปกรณ์กันกระแทกที่จะต้องนำมาห่อสินค้า
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าขนาดไหนเหมาะสม?
เราสามารถดูได้จากเมื่อเราปิดฝากล่องเรียบร้อยแล้ว กล่องจะต้องไม่บวมปูด หรือมีลักษณะที่ผิดแปลกไป เนื่องจากสินค้ามีขนาดใหญ่กว่าตัวกล่อง หรือเมื่อปิดฝากล่องแล้วทำการเขย่าแล้วมีเสียงสินค้ากลิ้งกระทบกันกล่อง ซึ่งแสดงว่ากล่องมีขนาดใหญ่กว่าสินค้ามากเกินไปนั่นเอง แต่หากสินค้าที่เราจะนัดส่งมีขนาดเล็กมากๆแล้วเป็นสินค้าที่ไม่แตกง่าย เราก็สามารถใช้ซองใส่พัสดุมาใส่แทนได้ ซึ่งในปัจจุบันมีหลากหลายประเภท อาทิเช่น ซองพลาสติก ซองกระดาษ ทั้งนี้ก็ยังสามารถเลือกได้ทั้งแบบปกติหรือแบบที่มีบับเบิ้ลกันกระแทกในตัวได้อีกด้วย
เมื่อเราได้กล่องที่ต้องการแล้ว สิ่งสำคัญไม่แพ้กันอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลย คืออุปกรณ์กันกระแทก โดยเฉพาะสินค้าที่มีความเปราะปางแตกหักได้ง่าย จำเป็นที่จำต้องมีบับเบิ้ลห่อก่อนที่จะนำไปใส่ในกล่อง และจำต้องมีเศษกระดาษฝอย โฟม หรืออุปกรณ์กันกระแทกอื่นๆมารองรอบๆตัวสินค้า เพื่อให้สินค้าไม่ขยับเขยื้อนไปชนกับกล่องขณะขนส่งนั่นเอง แต่หากสินค้าของเราไม่ได้แตกหักง่าย แต่ยังคงต้องระมัดระวังเรื่องรอยขูดขีดบับเบิ้ลก็ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน อาจจะเลือกเพียงบับเบิ้ล หรือแค่อุปกรณ์กันกระแทกรองรอบๆก็ได้เช่นกัน
จากข้อที่แล้วที่มีการกล่าวถึงการลดพื้นที่ช่องว่างในกล่องมาบ้างแล้ว คราวนี้เราจะมาลงในรายละเอียดกันค่ะ เมื่อเราห่อบับเบิ้ลเรียบร้อยแล้ว กล่องจะยังคงมีช่องว่างอยู่ ทำให้สินค้าจะยังสามารถกระแทกไปมาในระหว่างขนส่งได้ หากสินค้าเป็นสิ่งที่แตกหักได้ง่ายการลดช่องว่างนี้จำเป็นเป็นอย่างยิ่งเพื่อลดความเสี่ยงที่จะทำให้สินค้าเกิดความเสียหาย
อุปกรณ์สำหรับลดช่องว่างมีหลากหลาย อาทิเช่น เศษกระดาษฝอย, กระดาษ Recycle, โฟม, เศษบับเบิ้ล, เศษไม้ หรือผักตบชวาตากแห้ง เป็นต้น
หลังจากได้กล่อง ห่อสินค้าด้วยบับเบิ้ล และทำการลดช่องว่างภายในกล่องเรียบร้อยแล้ว ต่อมาเราจะมาทำการปิดผนึกกล่องกันค่ะ สก็อตเทป เป็นทางเลือกเดียวในตอนนี้ที่จะทำให้ฝากล่องปิดผนึกเข้าหากันได้ ดังนั้นเราควรให้ความสำคัญในการเลือกสก็อตเทปเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งมีปัจจัยต่างๆดังนี้
ขอแนะนำสก็อตเทปน้ำตาลยี่ห้อ Giant
ป้ายเตือนเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ แต่หากสินค้าของเราเป้ฯสิ่งที่มีความจำเป็นจะต้องระวังเป็นพิเศษ แนะนำว่าควรจะมีป้าย หรือข้อความกำกับไว้ให้กับพนักงานขนส่งก็จะดีไม่น้อย ที่เราจะเห็นกันบ่อยๆเลยก็คือ ป้าย “ระวังของแตก” ในกรณีที่เราจัดส่งของที่เปราะ แตกหักได้ง่าย อาทิเช่น แก้ว เซรามิก เป็นต้น หรือป้ายกำกับด้านลนด้านล่าง เมื่อเราส่งของที่จำเป็นต้นวางให้ถูกด้าน เช่น ต้นไม้ เป็นต้น
นอกจากป้ายเตือนสำหรับพนักงาน ก็ยังสามารถมีป้ายกำกับ “อย่าลืมถ่ายวีดีโอขณะเปิดพัสดุ” อาจจะช่วยให้ขนส่งเองเกิดการระมัดระวังในการส่งข้องมากขึ้น แต่เพื่อเป็นการเซฟทั้งตัวร้านค้า และตัวลูกค้าเองอีกด้วย กรณีที่สินค้ามีปัญหาหรือเสียหาย
พิมพ์ใบปะหน้าให้ชัดเจน ข้อมูลครบถ้วนและถูกต้อง ระยุชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรติดต่อของทั้งผู้รับและผู้ส่ง แนะนำหากสามารถพิมพ์ใบปะหน้าแทนการเขียนได้ จะช่วยลดข้อผิดพลาดเรื่องการอ่านลายมือ ซึ่งอาจนำไปสู้การจัดส่งที่ผิดพลาดได้
หลังจากส่งสินค้าที่ขนส่งเรียบร้อยแล้ว ควรนำเลขพัสดุมาแจ้งแก่ลูกค้า ทางหนึ่งคือสร้างความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้า อีกทางหนึ่งคือลูกค้าจะเปรียบเสมือนผู้ช่วยที่ช่วยเช็คสถานะของสินค้าของเราได้ แน่นอนว่าหากมีความผิดปกติเกิดขึ้นลูกค้าจะต้องมาแจ้งให้เราทราบก่อนแน่นอน
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อสินค้าสามารถติดต่อได้ที่นี่
#พัสดุ #ห่อพัสดุ #ส่งสินค้า #สก๊อตเทป #สก็อตเทป #เทปใส #เทปน้ำตาล